ถ้าคุณมีความตั้งใจที่จะสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณในปี 2021 นี้ คุณจะต้องเปรียบเทียบระหว่าง Shopify VS Wix ก่อนที่จะตัดสินใจ เนื่องจากแพลตฟอร์มในการ์สร้างเว็บไซต์มีอยู่เยอะมาก คุณอาจจะเกิดความสับสนว่าควรเลือกอันไหนให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
Shopify และ Wix เป็นสองแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ แต่ว่าอันไหนที่เหมาะกับคุณกันล่ะ
เราไม่สามารถตอบคุณได้ว่าแพลตฟอร์มไหนเหมาะกับทุกคนหรอกนะ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไรและปัจจัยอื่นๆ อีก ถ้าคุณรู้สึกอยากที่จะรู้ว่าอันไหนเหมาะกับคุณมากกว่า ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เราจะมาเจาะลึกสองเว็บนี้ว่ามีข้อดีอะไรบ้างและประเภทของเว็บไซต์ที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม
มาเริ่มกันเลยครับ
1. ภาพรวม
Shopify
Wix
Wix นับว่าเป็นแพลตฟอร์มในการสร้างเว็บไซต์หนึ่งที่ช่วยทุกคนสร้างเว็บไซต์เองได้ โดยมีเทมเพลตให้เลือกหลากลาย ไม่เหมือนกับ Shopify Wix สามารถสร้างเว็บไซต์แบบไหนก็ได้ถ้าคุณเลือกเทมเพลตที่เหมาะสม แค่ใช้ Wix คุณก็จะสามารถสร้างเว็บ eCommerce, บล็อก, เว็บให้ข้อมูล, เว็บข่าว และเว็บไซต์อื่นๆที่คุณต้องการได้เลย
2. วางแผนด้านราคา
Shopify
สำหรับ Shopify มีแค่ 5 ตัวเลือกสำหรับพรีเมียมเท่านั้น
แผนการ | ราคา |
Shopify Lite | $9 ต่อเดือน |
Shopify Basic | $49 ต่อเดือน |
Shopify | $79 ต่อเดือน |
Advanced Shopify | $299 ต่อเดือน |
Shopify Plus | กำหนดเอง |
แผนการที่ Shopify มีให้เลือก มีรายละเอียดดังนี้
- บัญชีของทีมงาน:คุณสามารถเพิ่มการสมัครสมาชิกแบบรายการเดียวได้ตามแบบแผนที่คุณเลือก
- ที่ตั้งร้านค้า: คุณสามารถเพิ่มจำนวนที่ตั้งคลังสินค้าได้ตามแผนที่คุณเลือก
- ส่วนลดการจัดส่ง: แผนที่ราคาถูกกว่าจะให้ส่วนลดน้อยการจัดส่งน้อยกว่ากว่าแผนที่มีราคาสูง
- ค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน: เมื่อคุณขายได้ จะหักค่าธรรเนียมคุณตามแผนที่คุณเลือกไว้ แผนที่ราคาถูกกว่าจะถูกหักมากกว่าแผนที่มีราคาสูง
Wix
Wix มีให้เลือก 8 ตัวเลือก ขึ้นอยู่กับประเภทเว็บไซต์และงบประมาณ แบบพรีเมียมของ Wix มีดังนี้
แผนการ | ราคา |
Combo | $14 ต่อเดือน |
Unlimited | $18 ต่อเดือน |
Pro | $23 ต่อเดือน |
VIP | $39 ต่อเดือน |
eCommerce/business plans
แผนการ | ราคา |
Business Basic | $23 ต่อเดือน |
Business Unlimited | $27 ต่อเดือน |
Business VIP | $49 ต่อเดือน |
Enterprise | กำหนดเอง |
แผนการที่ Wix มีให้เลือก มีรายละเอียดดังนี้
- ฟีเจอร์และแอพที่คุณสามารถเข้าถึงได้: แผนการที่มีราคาสูงขึ้นจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้เยอะกว่าแผนที่มีราคาถูกกว่า
- การจัดเก็บ: ที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ที่คุณได้รับจะแตกต่างกันไปในแต่ละแผน แผนที่มีราคาสูงนั้นจะได้การจัดเก็บที่เยอะกว่าแผนราคาถูก ดังนั้นถ้าคุณตั้งใจที่จะอัพโหลดวิดิโอและรูปภาพเยอะๆ คุณต้องดูขนาดที่เก็บข้อมูลให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
- การสนับสนุนลูกค้า: แผนที่มีราคาสูงจะได้รับการใส่ใจจากฝ่ายสนับสนุนลูกค้ามากกว่าทางเลือกแผนที่ถูกกว่า
- นาทีวิดิโอ: แผนที่ราคาสูงกว่าจะอนุญาตให้คุณอัพโหลดความยาวของวิดิโอได้นานกว่าแผนราคาถูก
- ฟีเจอร์ของ eCommerce: ฟีเจอร์เหล่านี้จะสามารถใช้งานได้สำหรับ แผนการธุรกิจเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า หากคุณตั้งใจที่จะสร้างเว็บไซต์ eCommerce คุณต้องเลือกแผนการแบบธุรกิจนั่นเอง
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกแผนการ คุณต้องประเมินจำนวนพื้นที่ที่คุณต้องการอย่างรอบคอบ ทั้งแอพและฟีเจอร์ที่คุณต้องใช้ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณและความยาวของวิดิโอที่คุณตั้งใจจะโพสต์ในแต่ละเดือน ถ้าคุณกำลังสร้างเว็บไซต์อยู่ เราขอแนะนำให้เริ่มจากแผนที่ราคาถูกก่อน และค่อยอัพเกรดเว็บไซต์ของคุณมีสเกลเพิ่มขึ้นภายหลัง
คำตัดสิน
เมื่อคุณพิจารณาภาพรวมของกลยุทธ์ด้านราคาแล้วนั้น Wix สามารถให้ตัวเลือกที่มากกว่าขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสร้างเว็บไซต์และฟีเจอร์แบบไหนที่คุณต้องการ อีกทั้งราคาของ Shopify ยังสูงกว่า Wix ดังนั้นถ้าคุณไม่มีงบประมาณที่เยอะ คุณจะพอใจกับการใช้ Wix มากกว่า Shopify อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นหมวดนี้ Shopify ชนะไปครับ
3. อัตราบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
ทั้ง Shopify และ Wix จะคิดค่าธรรมเนียมกับทุกธุรกรรมที่คุณดำเนินการ ทั้งการจ่ายเองและผ่านตัวกลาง Shopify จะหักเงิน 2.9% ทุกๆการทำธุรกรรม ในขณะที่ Wix จะหัก 2.4%. ถ้าคุณใช้ตัวกลางอื่นในการชำระเงิน ด้าน Shopify นั้นจะหัก 0.5% ถึง 2% ขึ้นอยู่กับแผนการที่คุณจะติดตาม แต่ในทางด้านของ Wix นั้น จะไม่หักค่าบริการอะไรถ้าจ่ายผ่านตัวกลางอื่นๆ
คำตัดสิน
สำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและอัตราบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงนั้น Wix จะมีการหักค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่า Shopify เพราะฉะนั้นในด้านนี้ Wix ก็ชนะไปครับ
4. ใช้งานสะดวก
Wix ถือว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ถึงแม้ว่า คนที่ไม่เก่งด้านเทคโนโลยียังบอกว่าใช้งานได้ง่าย ส่วน Shopify ก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่บางฟีเจอร์ใน Wix จะเรียนรู้ได้ง่ายกว่า Shopify.
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่อยู่ ผมมั่นใจได้เลยว่าคุณจะบอกว่า Wix เหมาะกับมือใหม่มากกว่า Shopify แน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า Shopify จะใช้งานยากอะไรนะครับ แค่ Wix จะใช้งานง่ายและตรงตัวกว่า
คำตัดสิน
Wix ชนะขาดรอยเลยครับในด้านนี้ เพราะมีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่ายกว่ามาก
5. ธีมและเทมเพลตของเว็บไซต์
Shopify
Shopify มีเทมเพลตที่มีคุณภาพมากกว่า 60 อัน ซึ่งคุณสามารถใช้งานเพื่อสร้างร้านออนไลน์ของคุณได้ ธีมทั้งหมดใน Shopify จะสามารถปรับแต่งได้ตรงตัวและยังรองรับเว็บไซต์แบบ responsive อีกด้วย ดังนั้นทั้งสองแพลตฟอร์มจะสามารถจัดเรียงเนื้อหาใหม่ตามอุปกรณ์ที่คุณใช้ได้เลย แต่ข้อเสียคือมีแค่ 10 ธีมเท่านั้นที่ฟรี ที่เหลือทั้งหมดคุณจะต้องจ่ายประมาณ $140 to $180 เพื่อที่จะใช้ธีมเหล่านั้น
Wix
ในทางกลับกัน Wix มีมากกว่า 800 เทมเพลตที่คุณสามารถนำมาใช้ในการสร้างเว็บได้ และมากกว่า ในนั้นถูกสร้างมาเพื่อทำร้านค้าออนไลน์ ข้อดีของเทมเพลตของ Wix คือมีฟรีเทมเพลตมากกว่า 60 อัน แต่อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหลักๆ ของ Wix ก็คือ เทมเพลตส่วนมากจะไม่ค่อยรองรับเว็บไซต์แบบ responsive เหมือนกับ Shopify นั่นเอง
คำตัดสิน
Shopify ชนะไปครับในรอบนี้ เหตุผลหลักๆก็เพราะว่า Shopify มีธีมที่มีคุณภาพและยังธีมแบบ responsive มากกว่า Wix
6. การนำเสนอผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่างๆ
Wix
ถ้าพูดถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในร้านค้าออนไลน์นั้น Wix จะมีตัวเลือกเยอะกว่า ซึ่งทำให้คุณใช้แสดงแต่ละผลิตภัณฑ์ในร้านคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า Shopify จะมีแค่สามตัวเลือกเท่านั้น ไซส์ วัสดุ และสี แต่ในทางฝั่ง Wix นั้นคุณสามารถเลือกได้ถึงหกตัวเลือก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ขายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
Shopify
อย่างไรก็ตาม Shopify ก็สามารถเอาชนะ Wix ได้ในส่วนของตลาดแอพพลิเคชั่น Shopify มีหลายๆแอพ ในแอพร้านค้านั้นๆ ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งตัวอักษรชื่อร้านได้แบบเต็มที่ เพื่อทำให้ดูน่าสนใจและแปลกตาแตกต่างจากคู่แข่งเจ้าอื่นๆ Shopify ยังมี AR ฟีเจอร์ที่ลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนชมแต่ละผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในหมด AR ได้
คำตัดสิน
เมื่อกล่าวถึงคุณภาพของภาพรวมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้น Shopify สามารถทำได้ดีกว่า Wix มาก ดังนั้น Shopify ชนะไปครับ
7. ตัวเลือกในการชำระเงิน
ทั้ง Wix และ Shopify ต่างมีตัวเลือกในการจ่ายเงินแตกต่างกัน แต่ว่าทั้งสองอนุญาตให้บุคคลที่สามจ่ายเงินบนแพลตฟอร์มได้ เรามาลองดูตัวเลือกในการจ่ายเงินที่คุณสามารถเพิ่มไปในทั้งสองแพลตฟอร์มได้กัน
Shopify
- PayPal
- Stripe (Only in regions where Shopify Pay is not supported)
- Apple Pay
- Amazon Pay
- Klarna
- Shopify payments
Wix
- PayPal
- Stripe
- Square
- Wix Payments
คำตัดสิน
เห็นได้ชัดเจนเลยนะครับว่า Shopify ชนะไปอย่างขาดรอย เพราะมีตัวเลือกช่องทางในการจ่ายเงินเยอะกว่า Wix มาก
8. ตัวเลือกในการจัดส่ง
Shopify
Shopify จะช่วยคุณในกระบวนการการจัดส่งโดยอนุญาตให้คุณเพิ่มการส่งฟรีได้อย่างรวดเร็วและยังเชื่อมต่อกับบริษัทจัดส่งที่จัดหามาให้ด้วย แถมยังช่วยคุณเพิ่มการจัดส่งแบบไม่มีสัญญาเช่น การรับสินค้าริมทางและการจัดส่งในพื้นที่
Wix
ในทางกลับกัน Wix สามารถช่วยคุณตั้งกฎภาษีและเพิ่มตัวเลือกในการติดตามสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม คุณยังต้องการตัวกลางในการจัดส่งสินค้าสำหรับจ่ายเงินการจัดส่งแบบทั่วโลก
คำตัดสิน
Shopify ยังคงชนะในด้านนี้ ต้องขอบคุณทางเลือกที่มีหลากหลายและตัวเลือกการขนส่งอย่างง่ายดาย
9. ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ตัววัดความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณทำการตลาดได้ดีแค่ไหน ทั้ง Wix และ Shopify มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ที่คุณสามารถใช้ในทางการตลาดได้กับเว็บไซต์ของคุณ ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นถึงฟีเจอร์ทางการตลาดที่สนับสนุนตามระดับประสิทธิภาพของทั้งสองแพลตฟอร์ม
| Shopify | Wix |
SEO | ดี | ดีเยี่ยม |
Social media integration | ดีเยี่ยม | ดี |
Email marketing features | ดี | ดีมาก |
Data analytics | ดีเยี่ยม | ดี |
Blogging capabilities | ไม่ดี | ดีเยี่ยม |
แต่ละแพลตฟอร์ม ต่างมีกลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลาย แต่ดูเหมือนว่า Wix จะทำได้ดีกว่าถ้าเทียบกับ Shopify โดยเฉพาะ บล็อกกิ้ง และ SEO คุณต้องคำนึงอยู่เสมอว่า SEO เป็นส่วนสำคัญมากกว่า 50% สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด
คำตัดสิน
ว่าด้วยเรื่องของการตลาด Wix ชนะไปในหมวดนี้แบบฉิวเฉียด โดยเฉพาะด้าน SEO เนื่องจากผู้ขายสามารถเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
10. ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
ทั้ง Wix และ Shopify มีการสนับสนุนลูกค้าที่น่าเชื่อถือซึ่งผู้ค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในการใช้งานบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตารางข้างล่างนี้จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำงานอย่างไรเมื่อดำเนินการใส่ส่วนต่างๆของการสนับสนุนลูกค้า
| Shopify | Wix |
รองรับการแชทสด | มี | ไม่มี |
การสนับสนุนทางโทรศัพท์ | มี | มี |
ศูนย์ช่วยเหลือ | มี | มี |
การสนับสนุนจากชุมชน | มี | มี |
การช่วยเหลือทางสังคมออนไลน์ | มี | มี |
การช่วยเหลือทางอีเมล์ | มี | มี |
การช่วยเหลือในหน้าขณะสร้างไซต์ | ไม่มี | มี |
คะแนนโดยรวมจากลูกค้าโดยรวม จาก 5 | 4.1 | 4.7 |
คำตัดสิน
ทั้ง Wix และ Shopify มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่น่าเชื่อถือ แต่ Wix ถือว่าชนะไปในด้านของความน่าเชื่อถือ
11. แอพต่างๆ ในแอพสโตร์
ทั้ง Wix และ Shopify จะมีแอพสโตร์เป็นของตัวเอง คุณสามารถดาวน์โหลดแอพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชั่นทั่วไปในเว็บของคุณและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้เข้าชม ถ้าพูดถึงแอพที่เกี่ยวข้องกับ eCommerce Shopify มีมากกว่า 5700 แอพ ในขณะที่ Wix มีแค่ประมาณ 300 แอพ โดยมีแค่ 57 รายที่อยู่ภายใต้ eCommerce ราคาทั่วๆไปของแอพใน Shopify จะอยู่ระหว่าง $5 ถึง $250 ต่อเดือน ส่วนแอพใน Wix จะราคาอยู่ระหว่าง $10 ถึง $100.
คำตัดสิน
Shopify ชนะไปในหมวดนี้ ต้องขอขอบคุณแอพสโตร์ของเขา เพราะมีแอพให้เลือกมากกว่า Wix ถึง 10 เท่า
Shopify VS Wix: Summary & Conclusion
Area. | Shopify | Wix |
วางแผนราคา |
| ✓ |
อัตราบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม |
| ✓ |
การนำเสนอผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่างๆ
|
| ✓ |
ธีมและเทมเพลตของเว็บไซต์ | ✓ |
|
ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
| ✓ |
ตัวเลือกในการชำระเงิน | ✓ |
|
ตัวเลือกในการจัดส่ง | ✓ |
|
ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
| ✓ |
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า |
| ✓ |
แอพต่างๆ ในแอพสโตร์ | ✓ |
|
Wix และ Shopify ต่างเป็นแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพมาระยะหนึ่งแล้ว การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำเว็บไซต์แบบไหน
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในการสร้างเว็บไซต์ Wix ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายกว่ามากที่จะเริ่มทำ เพราะใช้งานง่ายและมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่วางใจได้ และยังเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีงบประมาณในการสร้างเว็บไซต์มากรวมไปถึงการโปรโมตเว็บไซต์ที่มีราคาไม่แพงอีกด้วย
แต่ในทางกลับกัน Shopify ก็ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันในการทำธุรกิจ แบบ eCommerce รวมไปถึงยังสามารถเพิ่มแอพเข้าไปในเว็บไซต์ได้จากแอพสโตร์ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นไปอีกนั่นเอง
ถ้าคุณมีความตั้งใจที่จะสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณในปี 2021 นี้ คุณจะต้องเปรียบเทียบระหว่าง Shopify VS Wix ก่อนที่จะตัดสินใจ เนื่องจากแพลตฟอร์มในการ์สร้างเว็บไซต์มีอยู่เยอะมาก คุณอาจจะเกิดความสับสนว่าควรเลือกอันไหนให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
Shopify และ Wix เป็นสองแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ แต่ว่าอันไหนที่เหมาะกับคุณกันล่ะ
เราไม่สามารถตอบคุณได้ว่าแพลตฟอร์มไหนเหมาะกับทุกคนหรอกนะ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไรและปัจจัยอื่นๆ อีก ถ้าคุณรู้สึกอยากที่จะรู้ว่าอันไหนเหมาะกับคุณมากกว่า ห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด เราจะมาเจาะลึกสองเว็บนี้ว่ามีข้อดีอะไรบ้างและประเภทของเว็บไซต์ที่เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม
มาเริ่มกันเลยครับ
1. ภาพรวม
Shopify
Shopify เป็นซอฟแวร์สร้างเว็บไซต์ ที่อนุญาตให้สร้างร้านหรือ eCommerce และขายผลิตภัณฑ์แบบออนไลน์ เครื่องมือทั้งหมดในที่อยู่ใน Shopify จะทำให้ทุกคนสร้างเว็บไซต์ eCommerce ได้ง่ายมากขึ้น อ้างอิงจาก Statista Shopify ยังติดอันดับ 1 ใน 5 แพลตฟอร์มสำหรับการสร้างเว็บ eCommerce ของโลกอีกด้วย https://www.statista.com/statistics/710207/worldwide-ecommerce-platforms-market-share/
Wix
Wix นับว่าเป็นแพลตฟอร์มในการสร้างเว็บไซต์หนึ่งที่ช่วยทุกคนสร้างเว็บไซต์เองได้ โดยมีเทมเพลตให้เลือกหลากลาย ไม่เหมือนกับ Shopify Wix สามารถสร้างเว็บไซต์แบบไหนก็ได้ถ้าคุณเลือกเทมเพลตที่เหมาะสม แค่ใช้ Wix คุณก็จะสามารถสร้างเว็บ eCommerce, บล็อก, เว็บให้ข้อมูล, เว็บข่าว และเว็บไซต์อื่นๆที่คุณต้องการได้เลย
2. วางแผนด้านราคา
Shopify
สำหรับ Shopify มีแค่ 5 ตัวเลือกสำหรับพรีเมียมเท่านั้น
แผนการ | ราคา |
Shopify Lite | $9 ต่อเดือน |
Shopify Basic | $49 ต่อเดือน |
Shopify | $79 ต่อเดือน |
Advanced Shopify | $299 ต่อเดือน |
Shopify Plus | กำหนดเอง |
แผนการที่ Shopify มีให้เลือก มีรายละเอียดดังนี้
- บัญชีของทีมงาน:คุณสามารถเพิ่มการสมัครสมาชิกแบบรายการเดียวได้ตามแบบแผนที่คุณเลือก
- ที่ตั้งร้านค้า: คุณสามารถเพิ่มจำนวนที่ตั้งคลังสินค้าได้ตามแผนที่คุณเลือก
- ส่วนลดการจัดส่ง: แผนที่ราคาถูกกว่าจะให้ส่วนลดน้อยการจัดส่งน้อยกว่ากว่าแผนที่มีราคาสูง
- ค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน: เมื่อคุณขายได้ จะหักค่าธรรเนียมคุณตามแผนที่คุณเลือกไว้ แผนที่ราคาถูกกว่าจะถูกหักมากกว่าแผนที่มีราคาสูง
Wix
Wix มีให้เลือก 8 ตัวเลือก ขึ้นอยู่กับประเภทเว็บไซต์และงบประมาณ แบบพรีเมียมของ Wix มีดังนี้
แผนการ | ราคา |
Combo | $14 ต่อเดือน |
Unlimited | $18 ต่อเดือน |
Pro | $23 ต่อเดือน |
VIP | $39 ต่อเดือน |
eCommerce/business plans
แผนการ | ราคา |
Business Basic | $23 ต่อเดือน |
Business Unlimited | $27 ต่อเดือน |
Business VIP | $49 ต่อเดือน |
Enterprise | กำหนดเอง |
แผนการที่ Wix มีให้เลือก มีรายละเอียดดังนี้
- ฟีเจอร์และแอพที่คุณสามารถเข้าถึงได้: แผนการที่มีราคาสูงขึ้นจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้เยอะกว่าแผนที่มีราคาถูกกว่า
- การจัดเก็บ: ที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ที่คุณได้รับจะแตกต่างกันไปในแต่ละแผน แผนที่มีราคาสูงนั้นจะได้การจัดเก็บที่เยอะกว่าแผนราคาถูก ดังนั้นถ้าคุณตั้งใจที่จะอัพโหลดวิดิโอและรูปภาพเยอะๆ คุณต้องดูขนาดที่เก็บข้อมูลให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
- การสนับสนุนลูกค้า: แผนที่มีราคาสูงจะได้รับการใส่ใจจากฝ่ายสนับสนุนลูกค้ามากกว่าทางเลือกแผนที่ถูกกว่า
- นาทีวิดิโอ: แผนที่ราคาสูงกว่าจะอนุญาตให้คุณอัพโหลดความยาวของวิดิโอได้นานกว่าแผนราคาถูก
- ฟีเจอร์ของ eCommerce: ฟีเจอร์เหล่านี้จะสามารถใช้งานได้สำหรับ แผนการธุรกิจเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า หากคุณตั้งใจที่จะสร้างเว็บไซต์ eCommerce คุณต้องเลือกแผนการแบบธุรกิจนั่นเอง
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกแผนการ คุณต้องประเมินจำนวนพื้นที่ที่คุณต้องการอย่างรอบคอบ ทั้งแอพและฟีเจอร์ที่คุณต้องใช้ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณและความยาวของวิดิโอที่คุณตั้งใจจะโพสต์ในแต่ละเดือน ถ้าคุณกำลังสร้างเว็บไซต์อยู่ เราขอแนะนำให้เริ่มจากแผนที่ราคาถูกก่อน และค่อยอัพเกรดเว็บไซต์ของคุณมีสเกลเพิ่มขึ้นภายหลัง
คำตัดสิน
เมื่อคุณพิจารณาภาพรวมของกลยุทธ์ด้านราคาแล้วนั้น Wix สามารถให้ตัวเลือกที่มากกว่าขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสร้างเว็บไซต์และฟีเจอร์แบบไหนที่คุณต้องการ อีกทั้งราคาของ Shopify ยังสูงกว่า Wix ดังนั้นถ้าคุณไม่มีงบประมาณที่เยอะ คุณจะพอใจกับการใช้ Wix มากกว่า Shopify อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นหมวดนี้ Shopify ชนะไปครับ
3. อัตราบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
ทั้ง Shopify และ Wix จะคิดค่าธรรมเนียมกับทุกธุรกรรมที่คุณดำเนินการ ทั้งการจ่ายเองและผ่านตัวกลาง Shopify จะหักเงิน 2.9% ทุกๆการทำธุรกรรม ในขณะที่ Wix จะหัก 2.4%. ถ้าคุณใช้ตัวกลางอื่นในการชำระเงิน ด้าน Shopify นั้นจะหัก 0.5% ถึง 2% ขึ้นอยู่กับแผนการที่คุณจะติดตาม แต่ในทางด้านของ Wix นั้น จะไม่หักค่าบริการอะไรถ้าจ่ายผ่านตัวกลางอื่นๆ
คำตัดสิน
สำหรับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและอัตราบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงนั้น Wix จะมีการหักค่าธรรมเนียมที่น้อยกว่า Shopify เพราะฉะนั้นในด้านนี้ Wix ก็ชนะไปครับ
4. ใช้งานสะดวก
Wix ถือว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่ถึงแม้ว่า คนที่ไม่เก่งด้านเทคโนโลยียังบอกว่าใช้งานได้ง่าย ส่วน Shopify ก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่บางฟีเจอร์ใน Wix จะเรียนรู้ได้ง่ายกว่า Shopify.
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่อยู่ ผมมั่นใจได้เลยว่าคุณจะบอกว่า Wix เหมาะกับมือใหม่มากกว่า Shopify แน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า Shopify จะใช้งานยากอะไรนะครับ แค่ Wix จะใช้งานง่ายและตรงตัวกว่า
คำตัดสิน
Wix ชนะขาดรอยเลยครับในด้านนี้ เพราะมีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่ายกว่ามาก
5. ธีมและเทมเพลตของเว็บไซต์
Shopify
Shopify มีเทมเพลตที่มีคุณภาพมากกว่า 60 อัน ซึ่งคุณสามารถใช้งานเพื่อสร้างร้านออนไลน์ของคุณได้ ธีมทั้งหมดใน Shopify จะสามารถปรับแต่งได้ตรงตัวและยังรองรับเว็บไซต์แบบ responsive อีกด้วย ดังนั้นทั้งสองแพลตฟอร์มจะสามารถจัดเรียงเนื้อหาใหม่ตามอุปกรณ์ที่คุณใช้ได้เลย แต่ข้อเสียคือมีแค่ 10 ธีมเท่านั้นที่ฟรี ที่เหลือทั้งหมดคุณจะต้องจ่ายประมาณ $140 to $180 เพื่อที่จะใช้ธีมเหล่านั้น
Wix
ในทางกลับกัน Wix มีมากกว่า 800 เทมเพลตที่คุณสามารถนำมาใช้ในการสร้างเว็บได้ และมากกว่า ในนั้นถูกสร้างมาเพื่อทำร้านค้าออนไลน์ ข้อดีของเทมเพลตของ Wix คือมีฟรีเทมเพลตมากกว่า 60 อัน แต่อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหลักๆ ของ Wix ก็คือ เทมเพลตส่วนมากจะไม่ค่อยรองรับเว็บไซต์แบบ responsive เหมือนกับ Shopify นั่นเอง
คำตัดสิน
Shopify ชนะไปครับในรอบนี้ เหตุผลหลักๆก็เพราะว่า Shopify มีธีมที่มีคุณภาพและยังธีมแบบ responsive มากกว่า Wix
6. การนำเสนอผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่างๆ
Wix
ถ้าพูดถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในร้านค้าออนไลน์นั้น Wix จะมีตัวเลือกเยอะกว่า ซึ่งทำให้คุณใช้แสดงแต่ละผลิตภัณฑ์ในร้านคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านขายเสื้อผ้า Shopify จะมีแค่สามตัวเลือกเท่านั้น ไซส์ วัสดุ และสี แต่ในทางฝั่ง Wix นั้นคุณสามารถเลือกได้ถึงหกตัวเลือก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ขายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
Shopify
อย่างไรก็ตาม Shopify ก็สามารถเอาชนะ Wix ได้ในส่วนของตลาดแอพพลิเคชั่น Shopify มีหลายๆแอพ ในแอพร้านค้านั้นๆ ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งตัวอักษรชื่อร้านได้แบบเต็มที่ เพื่อทำให้ดูน่าสนใจและแปลกตาแตกต่างจากคู่แข่งเจ้าอื่นๆ Shopify ยังมี AR ฟีเจอร์ที่ลูกค้าสามารถใช้สมาร์ทโฟนชมแต่ละผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในหมด AR ได้
คำตัดสิน
เมื่อกล่าวถึงคุณภาพของภาพรวมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้น Shopify สามารถทำได้ดีกว่า Wix มาก ดังนั้น Shopify ชนะไปครับ
7. ตัวเลือกในการชำระเงิน
ทั้ง Wix และ Shopify ต่างมีตัวเลือกในการจ่ายเงินแตกต่างกัน แต่ว่าทั้งสองอนุญาตให้บุคคลที่สามจ่ายเงินบนแพลตฟอร์มได้ เรามาลองดูตัวเลือกในการจ่ายเงินที่คุณสามารถเพิ่มไปในทั้งสองแพลตฟอร์มได้กัน
Shopify
- PayPal
- Stripe (Only in regions where Shopify Pay is not supported)
- Apple Pay
- Amazon Pay
- Klarna
- Shopify payments
Wix
- PayPal
- Stripe
- Square
- Wix Payments
คำตัดสิน
เห็นได้ชัดเจนเลยนะครับว่า Shopify ชนะไปอย่างขาดรอย เพราะมีตัวเลือกช่องทางในการจ่ายเงินเยอะกว่า Wix มาก
8. ตัวเลือกในการจัดส่ง
Shopify
Shopify จะช่วยคุณในกระบวนการการจัดส่งโดยอนุญาตให้คุณเพิ่มการส่งฟรีได้อย่างรวดเร็วและยังเชื่อมต่อกับบริษัทจัดส่งที่จัดหามาให้ด้วย แถมยังช่วยคุณเพิ่มการจัดส่งแบบไม่มีสัญญาเช่น การรับสินค้าริมทางและการจัดส่งในพื้นที่
Wix
ในทางกลับกัน Wix สามารถช่วยคุณตั้งกฎภาษีและเพิ่มตัวเลือกในการติดตามสินค้า แต่อย่างไรก็ตาม คุณยังต้องการตัวกลางในการจัดส่งสินค้าสำหรับจ่ายเงินการจัดส่งแบบทั่วโลก
คำตัดสิน
Shopify ยังคงชนะในด้านนี้ ต้องขอบคุณทางเลือกที่มีหลากหลายและตัวเลือกการขนส่งอย่างง่ายดาย
9. ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ตัววัดความสำเร็จของเว็บไซต์ของคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณทำการตลาดได้ดีแค่ไหน ทั้ง Wix และ Shopify มีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ที่คุณสามารถใช้ในทางการตลาดได้กับเว็บไซต์ของคุณ ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นถึงฟีเจอร์ทางการตลาดที่สนับสนุนตามระดับประสิทธิภาพของทั้งสองแพลตฟอร์ม
| Shopify | Wix |
SEO | ดี | ดีเยี่ยม |
Social media integration | ดีเยี่ยม | ดี |
Email marketing features | ดี | ดีมาก |
Data analytics | ดีเยี่ยม | ดี |
Blogging capabilities | ไม่ดี | ดีเยี่ยม |
แต่ละแพลตฟอร์ม ต่างมีกลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลาย แต่ดูเหมือนว่า Wix จะทำได้ดีกว่าถ้าเทียบกับ Shopify โดยเฉพาะ บล็อกกิ้ง และ SEO คุณต้องคำนึงอยู่เสมอว่า SEO เป็นส่วนสำคัญมากกว่า 50% สำหรับการเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด
คำตัดสิน
ว่าด้วยเรื่องของการตลาด Wix ชนะไปในหมวดนี้แบบฉิวเฉียด โดยเฉพาะด้าน SEO เนื่องจากผู้ขายสามารถเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
10. ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า
ทั้ง Wix และ Shopify มีการสนับสนุนลูกค้าที่น่าเชื่อถือซึ่งผู้ค้าสามารถไว้วางใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในการใช้งานบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตารางข้างล่างนี้จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำงานอย่างไรเมื่อดำเนินการใส่ส่วนต่างๆของการสนับสนุนลูกค้า
| Shopify | Wix |
รองรับการแชทสด | มี | ไม่มี |
การสนับสนุนทางโทรศัพท์ | มี | มี |
ศูนย์ช่วยเหลือ | มี | มี |
การสนับสนุนจากชุมชน | มี | มี |
การช่วยเหลือทางสังคมออนไลน์ | มี | มี |
การช่วยเหลือทางอีเมล์ | มี | มี |
การช่วยเหลือในหน้าขณะสร้างไซต์ | ไม่มี | มี |
คะแนนโดยรวมจากลูกค้าโดยรวม จาก 5 | 4.1 | 4.7 |
คำตัดสิน
ทั้ง Wix และ Shopify มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่น่าเชื่อถือ แต่ Wix ถือว่าชนะไปในด้านของความน่าเชื่อถือ
11. แอพต่างๆ ในแอพสโตร์
ทั้ง Wix และ Shopify จะมีแอพสโตร์เป็นของตัวเอง คุณสามารถดาวน์โหลดแอพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชั่นทั่วไปในเว็บของคุณและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้เข้าชม ถ้าพูดถึงแอพที่เกี่ยวข้องกับ eCommerce Shopify มีมากกว่า 5700 แอพ ในขณะที่ Wix มีแค่ประมาณ 300 แอพ โดยมีแค่ 57 รายที่อยู่ภายใต้ eCommerce ราคาทั่วๆไปของแอพใน Shopify จะอยู่ระหว่าง $5 ถึง $250 ต่อเดือน ส่วนแอพใน Wix จะราคาอยู่ระหว่าง $10 ถึง $100.
คำตัดสิน
Shopify ชนะไปในหมวดนี้ ต้องขอขอบคุณแอพสโตร์ของเขา เพราะมีแอพให้เลือกมากกว่า Wix ถึง 10 เท่า
Shopify VS Wix: Summary & Conclusion
Area. | Shopify | Wix |
วางแผนราคา |
| ✓ |
อัตราบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม |
| ✓ |
การนำเสนอผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ต่างๆ
|
| ✓ |
ธีมและเทมเพลตของเว็บไซต์ | ✓ |
|
ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
| ✓ |
ตัวเลือกในการชำระเงิน | ✓ |
|
ตัวเลือกในการจัดส่ง | ✓ |
|
ฟีเจอร์ทางการตลาดและฟังก์ชั่นการใช้งาน |
| ✓ |
ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า |
| ✓ |
แอพต่างๆ ในแอพสโตร์ | ✓ |
|
Wix และ Shopify ต่างเป็นแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพมาระยะหนึ่งแล้ว การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำเว็บไซต์แบบไหน
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในการสร้างเว็บไซต์ Wix ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายกว่ามากที่จะเริ่มทำ เพราะใช้งานง่ายและมีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่วางใจได้ และยังเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีงบประมาณในการสร้างเว็บไซต์มากรวมไปถึงการโปรโมตเว็บไซต์ที่มีราคาไม่แพงอีกด้วย
แต่ในทางกลับกัน Shopify ก็ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการทำเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันในการทำธุรกิจ แบบ eCommerce รวมไปถึงยังสามารถเพิ่มแอพเข้าไปในเว็บไซต์ได้จากแอพสโตร์ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นไปอีกนั่นเอง